จากยุคสู่ยุค แนวคิดเรื่องรูปร่างในอุดมคติของไม่ได้มีเพียงเพศหญิงเท่านั้น
แท้จริงแล้ว สำหรับเพศชายก็มีเช่นกัน
Nickolay Lamm กราฟฟิกดีไซน์เนอร์และนักวิจัยด้านสัดส่วนร่างกายจากแมทเทล
(Mattel) บริษัทผู้ผลิตบาร์บี้ จัดทำโปรเจคล่าสุดขึ้นมา
โปรเจคนี้ใช้ 3 มิติจำลองรูปร่างในอุดมคติของผู้ชายใน 150 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้
การออกแบบทั้งหมดได้รวบรวมข้อมูลจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ค่านิยม
สภาพสังคมของยุคนั้นๆ
คริสต์ทศวรรษ 1870 นิยมหุ่นค่อนข้างท้วม
เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย ในยุคนั้น รัฐคอนเนตทิคัต
(Connecticut) The fat man's club คลับเฉพาะสำหรับคนอ้วน ซึ่งเงื่อนไขคือต้องมีน้ำหนัก200ปอนด์หรือ90กิโลกรัมขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าคลับได้ คลับนี้รุ่งโรจน์จนกระทั่งปิดตัวลงใน
ค.ศ. 2000
ต่อมา
ในยุคที่กล้องถ่ายรูปเริ่มเป็นที่นิยม เพื่อแก้ไขข้อด้อยของกล้องที่ว่า รูปที่ถ่ายออกมามักดูอ้วนมากกว่าตัวจริง
รูปร่างผอมเพรียวจึงกลายเป็นกระแสในสังคมคริสต์ทศวรรษ 1960
จนกระทั่งยุค 1980 การเข้ายิมกลายเป็นสิ่งที่คลั่งไคล้ของคนในสังคม
รูปร่างบึกบึนร่ำสันจึงเป็นหุ่นในอุดมคติของหนุ่มๆ เช่น รูปร่างๆของอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone)
คริสต์ทศวรรษ 1870
คริสต์ทศวรรษ 1930 รูปร่างแบบนักกีฬา
John Wayne
Charles Atlas
คริสต์ทศวรรษ 1960 รูปร่างที่สวยงามไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ที่คนมองหา
วัยรุ่น โดยเฉพาะชาวอเมริกันให้ความสำคัญเกี่ยวกับเสื้อผ้าและการจัดผมให้ดูค่อนข้างยุ่งเหยิง
อันเป็นการแสดงออกทางด้านเพศและปัจจเจกนิยม
John Lenon
ทศวรรษ 1970 แทนที่วัยรุ่นจะใช้รูปร่างเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในการแสดงออกทางด้านการประท้วงและกิจกรรมทางการเมืองเหมือนในทศวรรษ
1960 แต่ยุค 1970 นี้กลับมีแนวคิดที่ว่าควรมีรูปร่างที่กำยำและความมีชีวิตชีวา
เพื่อแสดงความเป็นวัยรุ่นมากกว่า
Arnold Schwarzenegger
ทศวรรษ 2010
Brad Pitt
ปัจจุบัน การมีหุ่นที่ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป มีกล้ามแต่พอดีคือรูปร่างในอุดมคติของหนุ่มๆทั้งหลาย ซึ่งคงต้องรอดูอีกครั้งว่าในอีกสิบปีข้างหน้า กระแสนิยมนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร
ขอขอบคุณ: www.boredpanda.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น